Posts

Showing posts from August, 2009

บ้านซึ่งรกรุงรัง

ความจริงคือบ้านซึ่งรกรุงรัง ด้วยสิ่งของโบราณ นาฬิกาแปดเหลี่ยมหงอยหงอย แมงมุมครอบครองด้วยชุดหยักไย่ ตู้ไม้เก่า หนังสือเก่า ก ระ ว น กระ วา ย รอยหมึกการพิมพ์ฉับแกระ ล้าเวลาอยู่ในซอกเล่ม กระดาษสีเหลืองน้ำตาลอ้อย อกหักกับอดีต โต๊ะ เก้าอี้ ลายไม้ร่องลึกขมุกขมัว ดังเถ้าถ่านในสายลม รูปสีขาวดำกับโชคชะตาที่บังเอิญเกาะฝุ่น เต็มรอยด่างเส้นกรอบรูป เครื่องครัวทองแดงเขรอะด้วยสีเขียวตะไคร่น้ำ โอ้....รูปแผนที่ค้างฝัน ประตูบานเฟี้ยมปิดรอยยิ้ม กลอนหักบิ่น ค่ำคืนหลงทาง ชิวิตธรรมดาเก่า เก่า เต็มบ้านซึ่งรกรุงรัง ประทับรอยเดิมเดิม เป็นบทเพลงกล่อมล้าสมัย กับความอ่อนเยาว์ถูกกักขังในความทรงจำ

ลมหนาวที่คิดถึง

Image
ลมหนาวมาตอนตีสอง ดวงดาวหวานริน...ระยิบ หมวกความทรงจำกระเพื่อมไหว * กางมุ้งกลางทุ่งดาว กลางคืนลมหนาวดอกไม้หอม หนีคุณสู่ขุนเขาโอบอ้อม หัวใจกลับไม่ยอมจากมา ถึงทิวเขาสลับซ้อนดังกลีบกุหลาบ สีชมพูนวลสะพรั่งห่มหุบเขา ธารสีเงินประหลาดในม่านหมอกฝัน ภาพวาดสีน้ำรำพึงรำพันคำรัก ต้นไม้เต็มราวป่า ไร้ใบ , ทว่า กลับเขียวชุ่ม เอิบอิ่มดั่งแสงเดือนเต็ม โอ้ใจเอย..... ความทรงจำโปรยใบหวานละมุน เรียงราย ทอดสายใต้เมฆขาวราวรักแรก ร้อยรัด ฟากเวลาลมหนาว ที่คิดถึง

โอ้ความเศร้า

Image
วันที่แดดเป็นสีส้มฝ้าฟาง โอ้...ความเศร้า เจ้าจู่โจมด้วยอาภรณ์ประหลาด รุ่ยร่ายสลัว ถักทอเส้นด้ายโหยหา พลอยสีดำกลัดกระดุมระทม แน่นตรึง อ่อนไหว กระเป๋าเปิดชายฝั่งความทุกข์ ซัดสาดใจละลาย.....ห า ย คิดถึงเธอ คิด ถึง เธอ ในความอ้างว้างของวันนี้ทั้งหมด

เธอกับฉัน

Image
เธอกับฉัน เราต่างเดินบนถนนของความไม่แน่นอน มีสายลมแปรเปลี่ยนพัดโบกตลอดเวลา สองข้างทางมีต้นไม้ไร้ร่มเงา เบื้องหน้าคือทิวเขาหมุนวน ขวางกั้นด้วยแม่น้ำไม่ไหลกลับ เรามีวิธีเคลื่อนไหวแตกต่างกัน เพื่อรอวันหลุดพ้นไปจากดินแดนแห่งนี้ ห า ก ดวงตะวันแห่งความยืดเยื้อ กลับรีบเร่งฉายแสง

หวานยามเย็น

Image
ฤดูหนาวสีขาวเข้มข้น สวมกำไลรัดข้อมือข้อเท้า หนาวจนสะท้าน ราชินีลมหนาวใบหน้าเยือกเย็น เดินทางพร้อมมงกุฏหนามแห่งสายลม บาดเนื้อ แดดฤดูหนาวสีใบไม้โรย หัวใจผีเสื้อสีฟ้าบอบบาง ท้องฟ้าความคิดถึง พร่างรัดกิ่งไม้แห้ง อ้อยอิ่ง จางจางเหมือนริ้วเมฆ หวานยามเย็น

ร้อนร้าง

Image
เห็นแสงแดดฟุ้งกระจายแดง และโลกที่สายลมสีฝุ่นคลุ้ง ท้องฟ้าเอยปราศจากเยื่อใยเมฆ นับวันจะถูกกรีดเป็นริ้ว ริ้ว และทะเลก็คือฉากหน้า บนเวทีซึ่งตัวละครใกล้สิ้นเนื้อประดาตัว สมจริง ดอกไม้เอยถูกฆาตกรรมยาวเหยียด กับความเสเพลที่มนุษย์กระทำตั้งแต่หนแรก ตักคืนวันทิ้งฟุ่มเฟือย ย่างดวงดาวจนเกรียม โลกไม่มีวันเหลือเศษ เย็บปะให้เสร็จสิ้น กลางหนทางสุกไหม้ ณ อาภรณ์เวลา ร้อน

รสจูบฤดูร้อน

ดอกไม้จากสายลมเพ้อภูเขา ล่องมา หอมเดือนกุมภาพันธ์ "เจ้าสาวแห่งกุมภาได้มาเยี่ยม เพื่อนตระเตรียมสีแดงแห่งคิมหันต์" คิดถึงดวงตารื่นรมย์ของเมฆขาว เหลืองสดฝ้ายคำยิ้มแจ่ม ภาพวาดชากาลกับปีกแมลงปอริมบึง เงาไม้ระบัดท่วงทำนองขลุ่ยผิว ศรีมาลา แม่น้ำ ทางเดินภูเขา โค้งสะพาน ภาพวาดใต้เงาแดงดอกงิ้ว กับร้อยแก้วที่กลายเป็นกวีนิพนธ์ โอบกอดลำเนาป่าขณะเมามายจันทร์เสี้ยว เรือใบไม้ร่ายมนต์ หวานความจริงในฝัน โลดลิ่วราวมีปีกนับพัน ฉันรู้ จากแดดระเริง และ รสจูบฤดูร้อน

ยามเย็นแง่ลบ

ยามเย็นแง่ลบ อยู่กลางตะวันเศร้ากับความหวังเก่าเก่า ลากจูงให้ปวดร้าวได้เสมอ ฝนตก.....ทำไมใบไม้จึงร่วงพรู สีเขียวหม่นสะบัดราวอาวุธสาดซัด ฟ้าคะนอง คำรามขณะในมหานคร อำนาจความเชื่อไยแหลมคมนัก ความดีบิดเบี้ยว เรือใบศรัทธาพยายามหลบหลีกแง่งหิน ไม่เห็นหรือว่า ท้องฟ้าไร้ดาวเดือน ไม่เห็นหรือว่า ความมืดยิ่งโสโครก ไม่รู้หรือไร ว่า พรุ่งนี้อาจเปล่าเปลือย มหานครสีขาวกลางฝัน ของคนชั่วพิการทางความคิด ไม่ได้มีอยู่จริง