Posts

Showing posts from 2010
Image
ความหลัง มักงดงามลึกซึ้ง เป็นดอกไม้เล็กเล็ก และมักเดินเชื่องช้า อยู่ในความคิดคำนึง

เมืองไหม้

เหนือมหานคร เมฆเป็นสีเดียวกับความทุกข์ เกลียวความแค้นเคืองบนถนนบิดลุกเป็นไฟ ไม่กี่ชั่วโมง ทว่ายืดยาว ควันไฟทิ้งร่องรอยไว้เป็นสีดำป่น บนซากปรักหักพังและการสูญเสีย ความเศร้าใจลึกสุดหยั่งถึง อากาศหนักอึ้ง เต็มไปด้วยกลิ่นไหม้ ในม่านน้ำตา ดวงอาทิตย์เหนือหัว เป็นสีดำเกรียม

ฉันจะปัดฤดูหนาวออกไป

ยามเช้ากลางกุมภา ช่างดื้อรั้น เห็นจันทร์เว้าขาวซีด เลือนลาอย่างไม่ยินดี ดวงอาทิตย์เดินออกจากบ้าน ใบหน้าแบนราบ คล้ายถูกก้อนเมฆแย่งชิงแสงสีชมพูเข้ม ความฝันครุ่นคำนึง "ฤๅเพียงจะฝัน" ชะงักปลายเส้นขอบฟ้าชั่วขณะ หมอกสีเทาจาง ทว่าหนาวไม่จบสิ้น น้ำค้างบนยอดหญ้าสีน้ำเงินหม่น ลมเป็นเส้นตรงเฉยเมย ปรอยดอกไม้สีม่วงขาวประปรายตามแนวกิ่ง ต้นไม้ไร้ใบสีคล้ำ อีกหลายหลายต้นเหลือบแล ถ้าเธอมา "ฉันจะปัดฤดูหนาวออกไป" (กุมภาพันธ์ 2552)

ร้อนร้าง

เห็นแสงแดดฟุ้งกระจายแดง และโลกที่สายลมสีฝุ่นคลุ้ง ท้องฟ้าเอยปราศจากเยื่อใยเมฆ นับวันจะถูกกรีดเป็นริ้ว ริ้ว และทะเลก็คือฉากหน้า บนเวทีซึ่งตัวละครใกล้สิ้นเนื้อประดาตัว สมจริง ดอกไม้เอยถูกฆาตกรรมยาวเหยียด กับความเสเพลที่มนุษย์กระทำตั้งแต่หนแรก ตักคืนวันทิ้งฟุ่มเฟือย ย่างดวงดาวจนเกรียม โลกไม่มีวันเหลือเศษ เย็บปะให้เสร็จสิ้น กลางหนทางสุกไหม้ ณ อาภรณ์เวลา ร้อนร้าง (22 ก.พ. 2552)

รสจูบฤดูร้อน

ดอกไม้จากสายลมเพ้อภูเขา ล่องมา หอมเดือนกุมภาพันธ์ "เจ้าสาวแห่งกุมภาได้มาเยี่ยม เพื่อนตระเตรียมสีแดงแห่งคิมหันต์" คิดถึงดวงตารื่นรมย์ของเมฆขาว เหลืองสดฝ้ายคำยิ้มแจ่ม ภาพวาดชากาลกับปีกแมลงปอริมบึง เงาไม้ระบัดท่วงทำนองขลุ่ยผิว ศรีมาลา แม่น้ำ ทางเดินภูเขา โค้งสะพาน ภาพวาดใต้เงาแดงดอกงิ้ว กับร้อยแก้วที่กลายเป็นกวีนิพนธ์ โอบกอดลำเนาป่าขณะเมามายจันทร์เสี้ยว เรือใบไม้ร่ายมนต์ หวานความจริงในฝัน โลดลิ่วราวมีปีกนับพัน ฉันรู้ จากแดดระเริง และ รสจูบฤดูร้อน 25 กุมพาภันธ์ 2552

ปีกเมษายน

ปีกเมษายนร้อนจนแห้ง ยามเย็นขึงแผ่นภาพบนท้องฟ้าตึงแน่น อ้างว้างบางบาง เปล่าเปลี่ยวหดหู่ และขมขื่น สีเทานิ่งบนผิวน้ำไม่ไหวติง ฝูงคนกลายเป็นสีดำโคลนเมื่อมองย้อนแดด ฉันยังไม่หลุดจากความชอกช้ำ ทรมานประเทศ โหดร้ายอะไรเช่นนี้ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของชะตากรรม ทำไม...ความชั่วจึงแตกหน่อ ความเลวทรามทอดเลื้อย เขม่าควันสีขี้เถ้าเผาบ้านเรือนตนเอง ใจคน...ไยกระด้างต่อแผ่นดินเกิด โอ้...ประเทศไทยร่ำไห้จนตัวงอ

ความเหน็ดเหนื่อย

โอ้..ความเหน็ดเหนื่อย ไยเวลาจึงพะเน้าพนอเจ้า อยู่ในกายฉัน และ ใจซึ่งอ่อนเปลี้ย สายลมการงาน พัดมาจากหนไหนกันหนอไม่ยอมหยุดนิ่ง ทิศตะวันออกเหนียวหนืด ทิศตะวันตกละลาย ฤๅทุ่งแดดมีน้ำหนัก ร่มไม้มิเพียงพอ จะ หยุดพัก เวลาก็มาพรากสู่เวลา เหนื่อยล้า หลายวันผ่านมาร่างกายตกน้ำ เวลา

ฉันจะไม่ลืมเลือนเธอ

ฉันจะไม่ลืมเลือนเธอ นกโกกิลาคร่ำครวญจนยามเช้าปวดร้าว โอ้....'รงค์ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ น้ำตาปลาตะเพียนท่วมท้องฟ้า หนักอึ้ง กระทั่งคล้ายลดต่ำลงมา ดวงจันทร์ซีดหลังเงาเมฆหมอง เมรัยดวงดาวไหลนอง *หอมดอกประดวน , ขี่ม้าชมดอกไม้ , เสเพลบอยชาวไร่ , เปลี่ยวคอนกรีต ..... ตัวหนังสือถูกย่างโดยความโศกซึม ความตายแห่งเธอ ป่นความเศร้าหมองเต็มหัวใจฉัน โอ้... 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ฉันจะ ไม่ลืมเลือนเธอ * ชื่อหนังสือของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์

ดวงจันทร์มกราคม

ดวงจันทร์มกราคม ค่อนคืนนาน ดวงจันทร์หวานหวานหวาดหวาด เหลือเพียงเส้นไหมสีเหลืองทอง ขีดโค้งบางบาง อ้อมกอดตะวันออกหงอยหงอย ฟ้าใกล้สว่างหรือยังหนอ ในลมหนาวอ้างว้าง เดียวดายดวงดาวอดีต เปียกชื้นน้ำตา บนแผ่นดินร้อนผ่าว ความขมขื่นประเทศห้อยระโยงระยาง ไม่ผันแปร ภาพ flickr