Posts

Showing posts from 2009

ใบไม้ธันวาคม

Image
ใบไม้ธันวาคม ใบไม้ธันวาคม ปลิดขั้วสุดท้ายทิ้งร่วงปลายปี...อีกปี บนแผ่นดินเมื่อวานแล้งโรย ธารน้ำตะกุกตะกักเหลือบแลหน้าต่างโดดเดี่ยว ก้อนเมฆระทมแตกเต็มกรอบความทุกข์ เสี้ยวดวงจันทร์เลื่อนลอย สายลมอ่อนล้า ร่อนร้างในความเร่งรีบข้ามปี กิ่งก้านกระหาย เกี่ยวได้เพียงความว่างเปล่า และผู้คนที่สูญเสียตนเองทีละน้อย บนความจริงมากมายที่จับต้องได้ยาก ใต้ต้นไม้เวลา...ร้างใบ

โอ้แดดเย็น

โอ้แดดเย็น โอ้..... แดดเย็นในลมหนาว สีของเธอช่างปั่นป่วน ใจ ละลาย หวั่นไหวกับดวงไฟใกล้มอด ผู้ปิ้งตนเองให้อบอุ่น

ความคิดถึง

ความคิดถึง ความคิดถึง บนหน้ากระดาษอารมณ์สีเดิม ไร้เส้นบรรทัด คืนหนึ่งซึ่ง ดวงจันทร์ขาวนวลเหมือนก้อนแป้ง เคลือบสีมุกวาว ความคิดถึงท่วมท้น สูงขึ้น สูงขึ้น โอ้ความคิดถึงมากมายล้นถึงดวงจันทร์ หวานน้ำตาลท้องฟ้า ฟ้าฤๅคว้างคว้า บนความคิดถึงไร้เส้นบรรทัด

อ่านตัวเธอ

อ่านตัวเธอ เข้าใจมายาถ้อยคำ โลกปรารถนาแห่งภาษา นั้นฟุ้งฝัน ฉายประกายไร้ขอบเขต เลยเถิดถึงความรักใคร่ เรืองรองด้วยปีกเครื่องหอม พะวง หลงใหล เสรีภาพอารมณ์ ร่อนเร่ไกลถึงแห่งหนไหนไม่รู้ ทว่าอาจตกหลุมความทุกข์แหลมคมด้วย จงอ่านตัวเธอ "อารมณ์" ก็เป็นเพียงเถ้าถ่านของภาษา

ชีวิตในที่เปลี่ยว

บาง..... ความรู้สึกผิด ไม่ได้จมดิ่ง หากแตกกระจาย กลายเป็นเมฆสีเทาสลัว ความหวาดหวั่นกระหน่ำราวสายลมโหยกระหาย เส้นบางบางของความสะเทือนใจ สั่นสะท้าน เปียกโชก ใจลอย ความหลังจับหนา ขณะดวงจันทร์พยายามเกลือกกลิ้ง บนชายฝั่งแหว่งวิ่น และ ฟากฟ้าสูญหาย สู่ ห้วงน้ำมืด ไม่ไหวติง นี่คือชีวิต ในที่เปลี่ยวโดยแท้

คิดถึงฝน ฝนก็มา

คิดถึงฝน ฝนก็มา คิดถึงฝน ฝนก็มา...พร่างพรม เมฆฝนเต็มฟ้า วิ่งเล่นกับแสงแดดจนเนื้อตัวมอมแมม เป็นสีเทาตุ่นตุ่น จึงอาบน้ำและ ฝนตก ฝนตก ฝนตก เมฆสวมชุดสีขาวสะอาดสะอ้าน อีกครั้ง ต้นไม้จัดงานเลี้ยงฉลอง คำโฆษณาของเธอคือสีเขียวอ่อนผลิใบใส จนแดงแดดอ่อนไหว หล่นจากฟากฟ้า ช่วยถักร้อยชุดสีเขียวใบไม้ ใบไม้ ใบไม้ ลมเผลอจูบพรมต้นไม้ทั้งต้น แดดขึ้งโกรธตวัดแสงจัดจ้าน สายลมทำตัวสุภาพขึ้น แสงแดดวิ่งเล่นกับหมู่เมฆฝนอีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง ในฤดูฝน

ความมืดสีเวิ้งว้าง

เลยดึกหวั่นหวาด ยินเสียงพลิกตัวของความมืด หนาหนักและสูงเป็นชั้นชั้น แต่ละชั้นยิ่งเพิ่มความวิตก กังวล โชยกลิ่นอับ อ้างว้าง ขรุขระ แต่กลับเปราะบาง ไกลออกไปคือความลังเลเดียวดาย ปลายชายทุ่งสีเวิ้งว้าง ใจหาย ขาดเป็นห้วง ห้ วง พยายามรวบรวมความมืด จัดเรียงเป็นดอกไม้ ทีละกลีบ ละล้าละลัง อ่อนแรง ช่างยากเย็นเหลือเกิน ที่จะเด็ดความมืดสีดำเวิ้งว้างกลางดึก

จักรยานความหลัง

ยามเย็นค่อยค่อยหรุบใบ แดดเหลืองอ่อนโรย ถนนทอดยาวโค้งลับไปกับเงาไม้ เสียงกระดิ่ง สายลมจาง หอมกลิ่นดอกไม้ริมทาง ร่องรอยรางรางจักรยานความหลัง ประปรายบนใบไม้ร่วง

เมล็ดคำของฉัน

เมล็ดคำของฉัน อยู่นิ่งเฉยข้างแอ่งน้ำเงียบ แดดหวานตะวันออกเพิ่งผ่านไป ตัวหนังสือเหลือเพียงฝักสีน้ำตาล ค้างไม้ความคิดเปล่าเปลี่ยว รอบรอบสายลมไม่ไหวติง ท้องฟ้ายืดตัวยิ่งเวิ้งว้าง เมฆแห้ง ไม่มีแดด ไร้ชีวิตชีวา ช่างยากเหลือเกินที่จะปลูกเมล็ดคำ แล้วขีดเขียนให้เป็นโค้งรุ้งงามในสายลม

ขี้เถ้าท่านผู้นำ

ฉันตั้งเตาตั้งใจ ก่อไฟกิ่งไม้เรียกร้อง บนแผ่นดินสีบัวโรย ปรารถนายิ่งยวด ด้วยสิทธิ์อันสมบูรณ์ ต้ม ท่านผู้นำทั้งหลายให้เปื่อย ปิ้ง ความโสมมของท่านผู้นำ ผัดเผ็ด พริกสดให้แสบร้อน แล้วจะหมกท่านผู้นำเหล่านั้นในเตา ด้วยไฟสีแดงชาด อย่างพิถีพิถัน พร้อมกับความ เย้ยหยันตลอดเวลา ทั้งที่มืดและที่สว่าง ไม่ยอมแพ้ ไม่อ่อนแรง ด้วยความร้อนไม่ให้เหลือ แม้กระทั่งขี้เถ้า

รัฐบาลที่เป็นโรค

ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศเฉียงตะวันตก ดวงจันทร์จมดินอยู่ได้อย่างไร แล้วดวงดาวที่ค้างอยู่ตามกิ่งก้านเปลือยนั้นเล่า แมลงโสมมแย่งเกาะริมฝีปาก ลมหายใจไม้เลื้อยหนามแหลม แอ่งสมองเน่าเน่า ตัวสะกดวางอยู่บนสระแหว่งแหว่ง ใบไม้แลบลิ้นหลอกลวง เมฆน้อยหนักจนตกจากฟ้า ความดีแตกแยก ความงามผิดแผก เพราะเธอเท่านั้นที่สร้างความเท็จ รัฐบาลที่เป็นโรค

อาลัยต้นจัน

เนิ่นนานมาแล้วกว่าเจ็ดสิบปี ต้นจันกลางแสงจันทร์ โอบเอื้อสรรพสิ่งในร่มเงาเขียว สง่างามดั่งราชาแสงแดด อ่อนโยนราวราชินีแสงจันทร์ สีเหลืองลูกจันประดับกิ่งใบฤดูเวลา เปลือกสีด่างแต้มรอยยิ้มเก่าแก่ หอมกรุ่นเสมอในสายลม ขณะครุ่นคำนึง กรกฎาร้างลาเมื่อฝนพรำสาย อาดูรอาลัย ต้นจันแสนงาม อาลัยต้นจันบ้านพจนา จันทรสันติ

หนุ่มสาวปฏิวัติ

หนุ่มสาวปฏิวัติ กรุณาอย่าให้วันใหม่ของเธอ เป็น ภาพฝันละเมอในบ่อน้ำครำ จงทลายกำแพงโสมมของคนรุ่นเก่า ก่อเสาความแกร่งกล้า ปรานีให้มั่นคง ด้วยจิตใจที่อ่อนน้อมถูกต้อง หนุ่มสาวปฏิวัติ กรุณาอย่าให้ความฝันของเธอ เป็น พ่อค้าพร่ำเพ้อในความโลภทุกเช้าค่ำ จงทำลายก้อนอิฐสามานย์ของคนรุ่นเก่า ก่อฐานความเมตตาให้หนักแน่น หนุ่มสาวปฏิวัติ กรุณาอย่าให้ความเชื่อมั่นของเธอ เป็น ความหวังปรนปรนในการเมืองต่ำทราม จงเผาไหม้ประชาธิปไตยโสโครก ละจากชะตากรรมอันโศกเศร้า ปล่อยทิ้งไว้ ข้างหลัง อย่าเหลียวแล

ดอกไม้ของความละอาย

ดูซิ...... ดอกไม้ของความละอาย ผุดขึ้นตามรูขุมขนและร่องเนื้อ ดอกแล้วดอกเล่า คลี่ขยายความละอาย ชัดเจนอยู่โดยท่าที แจ่มจัดอยู่ในดวงตา กึกก้องอยู่เต็มเสียง ความละอาย ความละอาย ความละอาย แบ่งบานเต็มตัว ละอายต่อเสียงของความจริง ต่อคนกล้าก้าวเสียสละ ละอายต่อน้ำตาฝนที่พรูฟ้า ในความหนาวเย็นของเพื่อนร่วมชาติ ในสังคมที่แสร้งว่า การหย่อนบัตร คือ ประชาธิปไตย

บทกวีตกงาน

บทกวีตกงาน มีเวลาเหลือเฟือ แต่ไม่มีรายได้ในสังคมที่ใช้เงิน ความหวังเป็นร้อยแก้วสีหม่น ว่ า ง โหวง ไม่มีแหล่งที่ ลากขาเดินย่ำ อดโซ ตามเศษกระดาษปลิวว่อน ไปทางไหนก็แผ่วเบา ฝ่าสายลมความคิดแห้งแล้ง ตากฝนจนหนาวสั่น เท้าจมต่ำลงไป ในรอยหมึกที่ฆ่าตัวตาย

ดวงใจประเทศ

ต้นไม้ซึ่งแตกใบ เฉพาะ กิ่งก้านสีคล้ำแห้ง ระทมทุกข์สู่อากาศ ซึ่งแตก เฉพาะ ค่ำคืนดำมืดคล้ำหม่นแขยง เต็มสะพรั่งทุกทุกข์กิ่งก้านค่ำคืน ซึ่งกระจายแสงสีเลือด ร่ ว ง หล่น กระหน่ำ ดวงใจประเทศอับปาง

บ้านซึ่งรกรุงรัง

ความจริงคือบ้านซึ่งรกรุงรัง ด้วยสิ่งของโบราณ นาฬิกาแปดเหลี่ยมหงอยหงอย แมงมุมครอบครองด้วยชุดหยักไย่ ตู้ไม้เก่า หนังสือเก่า ก ระ ว น กระ วา ย รอยหมึกการพิมพ์ฉับแกระ ล้าเวลาอยู่ในซอกเล่ม กระดาษสีเหลืองน้ำตาลอ้อย อกหักกับอดีต โต๊ะ เก้าอี้ ลายไม้ร่องลึกขมุกขมัว ดังเถ้าถ่านในสายลม รูปสีขาวดำกับโชคชะตาที่บังเอิญเกาะฝุ่น เต็มรอยด่างเส้นกรอบรูป เครื่องครัวทองแดงเขรอะด้วยสีเขียวตะไคร่น้ำ โอ้....รูปแผนที่ค้างฝัน ประตูบานเฟี้ยมปิดรอยยิ้ม กลอนหักบิ่น ค่ำคืนหลงทาง ชิวิตธรรมดาเก่า เก่า เต็มบ้านซึ่งรกรุงรัง ประทับรอยเดิมเดิม เป็นบทเพลงกล่อมล้าสมัย กับความอ่อนเยาว์ถูกกักขังในความทรงจำ

ลมหนาวที่คิดถึง

Image
ลมหนาวมาตอนตีสอง ดวงดาวหวานริน...ระยิบ หมวกความทรงจำกระเพื่อมไหว * กางมุ้งกลางทุ่งดาว กลางคืนลมหนาวดอกไม้หอม หนีคุณสู่ขุนเขาโอบอ้อม หัวใจกลับไม่ยอมจากมา ถึงทิวเขาสลับซ้อนดังกลีบกุหลาบ สีชมพูนวลสะพรั่งห่มหุบเขา ธารสีเงินประหลาดในม่านหมอกฝัน ภาพวาดสีน้ำรำพึงรำพันคำรัก ต้นไม้เต็มราวป่า ไร้ใบ , ทว่า กลับเขียวชุ่ม เอิบอิ่มดั่งแสงเดือนเต็ม โอ้ใจเอย..... ความทรงจำโปรยใบหวานละมุน เรียงราย ทอดสายใต้เมฆขาวราวรักแรก ร้อยรัด ฟากเวลาลมหนาว ที่คิดถึง

โอ้ความเศร้า

Image
วันที่แดดเป็นสีส้มฝ้าฟาง โอ้...ความเศร้า เจ้าจู่โจมด้วยอาภรณ์ประหลาด รุ่ยร่ายสลัว ถักทอเส้นด้ายโหยหา พลอยสีดำกลัดกระดุมระทม แน่นตรึง อ่อนไหว กระเป๋าเปิดชายฝั่งความทุกข์ ซัดสาดใจละลาย.....ห า ย คิดถึงเธอ คิด ถึง เธอ ในความอ้างว้างของวันนี้ทั้งหมด

เธอกับฉัน

Image
เธอกับฉัน เราต่างเดินบนถนนของความไม่แน่นอน มีสายลมแปรเปลี่ยนพัดโบกตลอดเวลา สองข้างทางมีต้นไม้ไร้ร่มเงา เบื้องหน้าคือทิวเขาหมุนวน ขวางกั้นด้วยแม่น้ำไม่ไหลกลับ เรามีวิธีเคลื่อนไหวแตกต่างกัน เพื่อรอวันหลุดพ้นไปจากดินแดนแห่งนี้ ห า ก ดวงตะวันแห่งความยืดเยื้อ กลับรีบเร่งฉายแสง

หวานยามเย็น

Image
ฤดูหนาวสีขาวเข้มข้น สวมกำไลรัดข้อมือข้อเท้า หนาวจนสะท้าน ราชินีลมหนาวใบหน้าเยือกเย็น เดินทางพร้อมมงกุฏหนามแห่งสายลม บาดเนื้อ แดดฤดูหนาวสีใบไม้โรย หัวใจผีเสื้อสีฟ้าบอบบาง ท้องฟ้าความคิดถึง พร่างรัดกิ่งไม้แห้ง อ้อยอิ่ง จางจางเหมือนริ้วเมฆ หวานยามเย็น

ร้อนร้าง

Image
เห็นแสงแดดฟุ้งกระจายแดง และโลกที่สายลมสีฝุ่นคลุ้ง ท้องฟ้าเอยปราศจากเยื่อใยเมฆ นับวันจะถูกกรีดเป็นริ้ว ริ้ว และทะเลก็คือฉากหน้า บนเวทีซึ่งตัวละครใกล้สิ้นเนื้อประดาตัว สมจริง ดอกไม้เอยถูกฆาตกรรมยาวเหยียด กับความเสเพลที่มนุษย์กระทำตั้งแต่หนแรก ตักคืนวันทิ้งฟุ่มเฟือย ย่างดวงดาวจนเกรียม โลกไม่มีวันเหลือเศษ เย็บปะให้เสร็จสิ้น กลางหนทางสุกไหม้ ณ อาภรณ์เวลา ร้อน

รสจูบฤดูร้อน

ดอกไม้จากสายลมเพ้อภูเขา ล่องมา หอมเดือนกุมภาพันธ์ "เจ้าสาวแห่งกุมภาได้มาเยี่ยม เพื่อนตระเตรียมสีแดงแห่งคิมหันต์" คิดถึงดวงตารื่นรมย์ของเมฆขาว เหลืองสดฝ้ายคำยิ้มแจ่ม ภาพวาดชากาลกับปีกแมลงปอริมบึง เงาไม้ระบัดท่วงทำนองขลุ่ยผิว ศรีมาลา แม่น้ำ ทางเดินภูเขา โค้งสะพาน ภาพวาดใต้เงาแดงดอกงิ้ว กับร้อยแก้วที่กลายเป็นกวีนิพนธ์ โอบกอดลำเนาป่าขณะเมามายจันทร์เสี้ยว เรือใบไม้ร่ายมนต์ หวานความจริงในฝัน โลดลิ่วราวมีปีกนับพัน ฉันรู้ จากแดดระเริง และ รสจูบฤดูร้อน

ยามเย็นแง่ลบ

ยามเย็นแง่ลบ อยู่กลางตะวันเศร้ากับความหวังเก่าเก่า ลากจูงให้ปวดร้าวได้เสมอ ฝนตก.....ทำไมใบไม้จึงร่วงพรู สีเขียวหม่นสะบัดราวอาวุธสาดซัด ฟ้าคะนอง คำรามขณะในมหานคร อำนาจความเชื่อไยแหลมคมนัก ความดีบิดเบี้ยว เรือใบศรัทธาพยายามหลบหลีกแง่งหิน ไม่เห็นหรือว่า ท้องฟ้าไร้ดาวเดือน ไม่เห็นหรือว่า ความมืดยิ่งโสโครก ไม่รู้หรือไร ว่า พรุ่งนี้อาจเปล่าเปลือย มหานครสีขาวกลางฝัน ของคนชั่วพิการทางความคิด ไม่ได้มีอยู่จริง

แดดชรา

Image
แดดปลายฤดูหนาวสีเหมือนใบไม้โรย กำลังย่างเข้าสู่วัยชรา ย่างเท้าเชื่องช้า อ้อยอิ่งกับเวลาที่เหลืออยู่ ผู้คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ กำลังเบิกบาน จากหน้าต่างดวงตา แดดลอดผ่านก้อนเมฆเศร้า...เศร้า เหลือเพียงประตูบานเดียว ที่จะปิดผู้คน จากใจอหังการ์ในความสุข