Posts

Showing posts from March, 2007

ฉันพลัดตกในเธอ

Image
ฉันพลัดตก ลงในเธออย่างเศร้าเศร้า ขณะแดดลังเลใจจะจากฟ้า

ใจเปลือย

Image
ใจเปลือย มิปรารถนาเยี่ยงใจสามัญ เงาจันทร์สะท้อนน้ำ จันทร์ไม่เปียก น้ำไม่กระเพื่อม เปลือยใจ * บรรทัดที่ 4-5 ของโงเด็น

ทะเลหอม

Image
ทะเลหอม พระจันทร์หวาน เมฆกลายเป็นขนมถ้วยฟู ลอยอยู่เต็มฟ้า ยามดึก

เธอที่แสนดี

Image
ขอบคุณเต็มฟ้าความมืด เธอที่แสนดี ด้วย,ดวงจันทร์คิดถึงครึ่งดวง งามล้ำ ใต้แสงนวล นิ่งละเมอ กลิ่นหอมท้องฟ้า,และ อีกครึ่งสายลมในความมืด คือรอยจูบดวงดาวสีน้ำเงิน ชื่นชมรักยามพร่ำ โอหนอ ชื่นฉ่ำความมืดกระไร เธอที่แสนดี

ดาวหาง

Image
ตัวฉันมีดาวหาง ซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นผง และยิ่งทบทวีขึ้นทุกวี่วัน รบกวน ความสุขสงบโดยรื่นเริง

ทุกข์ทุนนิยม

โอ้โลก ทนทุกข์ทุนนิยม จมลงในห้วงอวกาศ

ความคลางแคลงใจ

Image
ความคลางแคลงใจเล็กเล็ก คือเข็มแหลมคม ซึ่งทำให้ปวดร้าวใจใหญ่หลวง

มนุษย์แนวดิ่ง

มนุษย์แนวดิ่งเสพสุขภายนอก สะเทือนภายในวิปลาส วงกลมหายนะตะวันออก-ตะวันตก มลพิษบรรทุกเกิน โลกร่วง จม

หินปูนระทม

Image
หินปูนระทมริมชายฝั่งหดหาย ลมลวงกราดเกรี้ยว สายน้ำโกหกกระหน่ำกระแทก เป็นร่องรูพรุนและแตกร่วงได้ง่าย อิทธิพลฤดูมรสุมหรือ

นักรบความคิด

นักรบทางความคิด ตวัดคมดาบ ตัดแต่งต้นไม้ความคิด ในทุ่งแสงแดด ในป่าแสงจันทร์ ในฤดูดวงดาว ในถ้ำหนักทึบ ในโตรกผาสาหัส ความคิดซึ่งไม่เคยโบราณ ปรากฏขึ้นอย่างอัศจรรย์ เงียบกริบ ทว่าสว่างจ้า ไม่ต้องการเสียงปรบมือต้อนรับ ไม่ต้องการคำเยินยอ เพราะมีทุกอย่างสมบูรณ์ในตนเอง

จันทร์สีส้ม

Image
จันทร์ดวงนั้น อยู่ในโลกสีส้มร่วงโรย เดินถอยหลังทอดทิ้ง แสงสีเปลี่ยวดาย ลาจากท้องฟ้าดวงใจ เนาซบเมฆลำพังที่ล่องผ่าน ชั่วครู่หนึ่ง เท่านั้น

ริมธารใส

นั่ง ริม ธาร ใส มองการเคลื่อนไหลของสายน้ำ ฟูฟ่องที่ผุดพราย เบียดเลี้ยวแล้วกระจาย ร่องเล็กเล็ก แอ่งกว้างกว้าง ใบไม้ตามน้ำ แมลงปอเขียว ผลไม้ชอกช้ำ กิ่งไม้ชรา ลมลิ่วหัวเราะ แมงมุมเต้นระบำ ปลาทวนกระแส โขดหินสงบ คณะละครสายน้ำ กลางเวทีแดดวิบวับ นั่นละอองดาวกลางวัน พบ เพียง จาก พราก

ฤดูร้อนตื่นแล้วซินะ

Image
ฤดูร้อนตื่นแล้วซินะ อาบน้ำขัดตัวสะอาดสะอ้าน อย่างสว่างไสวกลางแดดจ้าสีทอง แผ่นดินที่เปิดฝา แผ่นฟ้าใสเหมือนแก้ว ตัวหนังสือของโลกบิดขี้เกียจอีกครั้ง และลมที่โกรกอย่างกระปรี้กระเปร่า แล้วทำไม ใจยังถูกจองจำ บนเส้นทางขลุกขระ ในตนเองอีกเล่าหนอ

ชีวิตคนเมือง

Image
เมือง เต็มไปด้วยผู้คนสิ่งของ แท้จริงแล้วกลับว่างกลวง กล่าวได้ว่า"เมือง"เป็นโรคร้ายพันธุ์ใหม่ คอยเบียดเบียนแทะเล็ม กัดกินเลือดเนื้อและจิตวิญญาณให้เหี่ยวเฉา ทั้งยังแผ่ลามเชื้อร้ายไปยังแผ่นดินผืนป่า คนเมืองจมปลักอยู่ในห้วงทุกข์ทรมาน คล้ายปลาดิ้นอยู่ในปลักโคลนฤดูร้อน อึดอัดไร้หนทางและร้าวระอุ แล้วสิ่งใดเล่า ชักนำให้มนุษย์ตกอยู่ในห้วงปลักโคลนตมเช่นนี้

อาหารกวี

Image
ไข่เจียวท้องฟ้า ผัดเผ็ดป่าเขาลำเนาไพร แกงจืดมหาสมุทร ต้มยำฤดูกาล เนื้อย่างแผ่นดินระแหง บัวลอยอารมณ์ไหว ผลไม้ก้อนเมฆ ลอดช่องสายรุ้ง ใคร่เล่าจะดื่มกินอาหารอย่างกวี

การเดินทางของมักโรนีโลฟ

Image
การเดินทางของมักโรนีโลฟ แรงคิดถึงของเส้นแป้งเขียว เต็มเนื้อขนมปังชุ่มนม วงกลมไข่สีส้มเบิกบาน เครื่องเทศปลิวปลิวฤดูร้อน กลิ่นหอมผ่านคลุกเคล้า เธอกับฉัน

ได้แต่เพียงรอคอย

Image
ภาพที่รอคอย ถ้อยคำอ่อนโยนภายใต้แสงจันทร์ ในคืนเปลี่ยวเหงา ได้แต่หวังคำหวานซึ่งมัก ไถลบนถนนแห่งอื่น,ซึ่งคดเคี้ยว อีกยาวนานกว่าจะมา นานเท่าไหร่แล้วหนอ ที่น้ำตา ร้างฟากฝั่งแลเห็น หรือราวกับว่าที่แท้ เป็นคนแปลกหน้า

ยังไม่ทันจะวาดหวัง

ยังไม่ทันจะวาดหวัง กลับเวิ้งว้าง หลังจากหยุดพัก รอแล้วรอเล่า ผ่านคืนหนึ่งซึ่งดวงจัทร์ ซ่อนหนีจากเงารัก เมฆอพยพครั้งใหญ่ ค่อยค่อยเคลื่อนแผ่วแผ่ว ใต้ฟ้าอ้างว้างสีเทา อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ร่ำไห้... ปาดน้ำตาเงียบเงียบ ยามดึกปลายฤดูฝน ที่แท้เป็นฤดูน้ำตา

เรียวใบไม้และปลายหญ้า

Image
ใต้ถุนฟ้ากว้าง ยามกลางวันที่แดดใสเหมือนแก้ว ลมเย็นเริงระบัด เงาไม้อยู่ตรงนั้นตรังนี้ ทุกเงาล้วนร่มเย็น เรียวปลายหญ้ากระพือปีกบินลิ่วล่องไปกับลม แห่งหนไหนไม่อาจรู้ บางทีอาจจะไกลเกินกว่าที่แสงตะวันจะตามถึง เหนือเรียวใบไม้และปลายหญ้า ไม่มีความวุ่นวายสับสน ไร้คราบเหงื่อไคลของเมือง อาจเงียบเหงาบ้าง แต่ใช่จะว้าเหว่เกินไปนัก เพราะต้นหญ้าเล็กเล็กก็เป็นเพื่อนได้ดี ต้นหญ้าทำตนราวผู้ต่ำต้อย ไม่เคยโอ้อวนตนเอง แต่กลับสร้างตำนานอันเรียบง่ายสามัญมาทุกยุคสมัย ภายใต้กฏเกณฑ์แห่งดวงตะวัน ใช้ชีวิตธรรมดา เป็นไปช้าช้าไม่เร่งรีบ บนผืนดินแห่งการพักอาศัย อิสระแห่งสายลมไม่เคยทอดทิ้งความฝันให้เหี่ยวเฉา ท่ามกลางหมู่กอหญ้าและแสงแดดใส ส่ยลมเย็นเห่กล่อมดวงใจอ่อนล้าด้วยบทเพลงของต้นหญ้า ทำนุเลี้ยงดูด้วยดวงใจเอื้ออาทร ไร้สิ้นการแสวงหาภายนอก ไร้สิ้นสิ่งกั้นขวางภายใน จิตวิญญาณเสรีเข้มแข็งก่อกำเนิดขึ้นจากความอ่อนโยน

สีส้มแห้ง

Image
เย็นวันนี้แดดเปื่อย ทาบสีส้มแห้งบนบ้านไม้เก่าหลังเล็กๆ ต้นไม้และท้องฟ้าเต็มไปด้วยพลังเร้นลับของสีส้มแห้ง ร่องรอยขดหยักของเนื้อไม้ถูกแกะสลักด้วยเวลา คล้ายริ้วรอยบนใบหน้าคนชรา บ่งบอกเรื่องราวผ่านมาในชีวิต ประกายแดดทำให้ทุกทีเป็นสีทอง บทเพลงยามเย็น มนต์เสน่ห์ของสีส้มแห้งสร้างความผูกพันลึกซึ้งกับท้องฟ้า ก่อนจะสุกงอมและอำลาไปในยามค่ำคืน

นามเมฆแห่งแผ่นดิน

Image
ต้นไม้คือนามเมฆแห่งแผ่นดิน นฤมิตรจากเธอคือความเป็นไปของโลก อ่อนโยนละมุน ใบไม้ ใบไม้ ใบไม้ ใบไม้ แดดเขียวกระจ่าง

ฉัน,ใบไม้ร่วง

ฉัน ใบ ไม้ ร่วง ล่องลอยกลางแดดกรอบ ในทะเลทรายเมฆแห้ง ขณะหนึ่ง คิด ถึง เธอ

โอ้เจ้าหญิงเดือนมีนา

Image
โอ้...เจ้าหญิงเดือนมีนา ร่ำอาดูรจากเช้าถึงเย็นกระทั่งเช้า ร่างกายสีซีดดินเผาพ่ายแพ้ ใบ แห้ง ปลิด คว้าง โลกเดียวกันหรือโลกอื่นหนอ ถูก เด็ด จน ร้าง ไร้ น้ำตากลุ่มควันทึมเทา ความโศกเศร้าแห้งระแหง ถูก คุก คาม จาก เงาของความโลภและก้าวร้าว ซึ่งล่อยลอยทั่วไป จากผู้คนที่คดโกงเธอ

ฉันคือสิ่งใดเล่า

Image
ฉันคือสิ่งใดหรือ จันทร์ดวงนั้นดับดวง และเธอคือ หอมแดดเต็มดวง,เปล่งแสงนั้นหรือ ฉันคือสิ่งใดเล่า ชายหาดอ้างว้าง และเธอคือ มหาสมุทรร้องเพลง,รื่นรมย์นั้นหรือ ฉันคือสิ่งใดกัน แดดร่วงหล่นยามค่ำ และเธอคือ หวานรุ้งยามเช้า,ทุกครั้งคราวนั้นหรือ หรือฉันก็คือฉัน และเธอก็เป็นเธอ ไม่มั่นคงไม่เสมอไม่แน่นอน

ฉันรักประเทศ

Image
...ฉันรักประเทศที่ เต็มปริ่มด้วยความเชื่องช้า วันฤดูที่มีอยู่ล้วนล้นเหลือ ...ฉันรักประเทศที่ เตร็ดเตร่กลางแมกไม้ร่มรื่น ถนนคดเคี้ยวด้วยบทกวีต้นหญ้า ...ฉันรักประเทศที่ หวานซึ้งยามค่ำแสงตะเกียง อ่อนโยนแสงจันทร์ร่องลึก ...ฉันรักประเทศที่ ใบหน้าสีน้ำผึ้งตากแดดหอมโปร่ง แผ่นดินยิ้มกว้างเริงแล่นลม ฉันรักประเทศที่ไม่ไต้มาตรฐาน .....ฉันรัก

ตัวขี้เกียจ

ริ้วรอยรางราง ขีดเส้นมาอย่างไร้เดียงสา ขยับเรื่อยเปื่อย ขยุกขยิก เฉื่อยช้า อืดอาด เนือยนือย .......... ตัวขี้เกียจ

ร่องรอยที่ไม่อาจผ่าน

Image
ร่องรอยที่ไม่อาจผ่าน ค่อยค่อยก่อรูปอย่างประณีตเป็น ดวงจันทร์ โดดเด่นรุ่มรวยเพียงลำพัง ในห้วงเปลวเทียนดวงดาว กระโจมข้างแรมทึบแสง ถนนโปร่งแสงสีขาวคืนเพ็ญ ทั้งสองภาพอันแตกต่างอย่างชัดแจ้ง ในซากหลุมบ่อดุจท้องทะเลลึก บางหลุมอันแช่มชื่นนั้น ดอกไม้ในดวงจันทร์ ปรากฏขึ้น ณ คืนสิบห้าค่ำ อย่างไร้แรงดึงดูด พราวรอยยิ้มท้องฟ้า ขณะบางครกระแสหินผุพรุน กระแทกอย่างขมขื่นในการจดจำคืนข้างมืด ยังกังวลในความทุกข์ขรุขระ บนที่ราบใหญ่ของลมหายใจ ตลอดเวลา กลิ่นของความหลังอันเที่ยงแท้สองฝั่ง ซ่อนเร้นไว้ ดวงจันทร์ ของฉัน

สิ่งไม่รู้

สิ่งไม่รู้ เหนี่ยวนำชีวิตยามค่ำ ล่องลมเรไร สีมืดซึ่งหาได้ปรุงแต่งให้หวาดระแวงไม่ สำหรับสิ่งไม่รู้ ลึกล้ำประกอบขึ้นกลางมืดมิด กระจายงามยามแลเห็น ด้วยใจท่วมท้นล้นใจ และกลายเป็นสีทองตะวันออกรุ่งเช้า ด้วยโปรยแสงสุกปลั่ง เริงร่ายสว่างสำราญ

ความคิดถึงครึ่งบกครึ่งน้ำ

Image
ครั้งนั้น ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ความคิดถึงครึ่งบกครึ่งน้ำ ครองใจครอบคลุมเคร่งครัด ครึกครื้นครึกโครม คลุกเคล้าคลาคล่ำ คลั่งไคล้ ครืนครั่นคร่ำครวญคนึง ครรไล ด้วยความโน้มถ่วงจำเพาะ

กี่ชั่วชีวิต

Image
นานกี่ชั่วชีวิตแล้วหนอ .. . .. . .. . .. ที่ฉันคิดถึงเธออย่างคุ้นเคย เหมือนดวงอาทิตย์กับขอบฟ้าตะวันออก แล้วเอนอุ่นใจ ในขอบฟ้าตะวันตก

ทิ้งฟ้า

เทือกภูยาว โอบฟ้ามาจากทิศตะวันออก เอื้อมคว้ามาจากทิศตะวันตก จรดจุมพิต คว้าไขว่ขอบฟ้า คว้าเอื้อมฟ้า ...ทิ้งฟ้า

หรือ...

Image
...หรือ... ความคิดถึงจากเธอ สอยติดอยู่เฉพาะริมขอบฟ้า เย็บเนาอยู่ตามร่องรอยแนวแดด เดินด้นถอยหลังเรื่อยเปื่อยตามสายลม และปักริ้วตามหน้ากระดาษในใจเธอ ...เพียงเท่านั้นหรือ...

ฉันรักเธอ

Image
ฉันรักเธอ โบราณแสงแดดคราผลิใบแรก เติบโตจากป่าชื้นฝนประกายพรึก เนื่องหนุนภูมิประเทศแห่งฉัน กิ่งก้านเธอเนิ่นนาน ใบเดี่ยวรูปหัวใจเลื้อยเลาะ โอบอ่อนโยนทอแสงภาพฝันสีนวล อบอุ่นเงากว้างใกล้ชิดใจรอบ ดอกไหวผลิบานเปลือกไม้หอม หวานขอบประตูหน้าต่าง ครองเทพนิยายหลังคาบ้าน ประทับห้วงคำนึงอันแสนลึกล้ำ โอ้เธอ...ไม้ยืนต้น

ฉันเขียน

Image
ฉันเขียน..... รุ่งอรุณ ฉันเขียนหนังสือเป็นอาหารเช้า ในความใฝ่ฝันดั่งมหาราชา แดดสาย ฉันปีนป่ายเถาวัลย์ดินสอ ดั่งการก้าวเพลินของสายลมบนก้อนเมฆ ยามเย็น ฉันเขียนเพื่อดื่มกินความโดดเดี่ยว ล้นความว้าเหว่อ้างว้างตนเอง คราดึก ฉันเขียนตามปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ในโปรยกลิ่นหอมของสายลมราตรี ฉันเขียน..... ดังนั้น ฉัน จึง เขียน

ในนามของความคิดถึง

Image
คิดถึงตามปรารถนา ค่ำคืนซึ่งหอมประหลาดล้ำ ขณะแสงจันทร์กระเพื่อมล้นฝั่ง กางใบเรือแล้วถอนสมอเถิด แล่นประชิดฉัน ในนามของความคิดถึง

ให้ฉันเขียน

ให้ฉันเขียน บนร่างกายตนเอง อย่าง มืด บอด ใต้หรุบเปลือกตาความทรงจำ ซึ่งผุดขึ้นตามร่องขน ทิ่ม แทง ผิว เนื้อ

ภูมิประเทศแห่งเธอ

Image
ภาพหุบเขาตกผลึกในแดดเช้า ตะวันออกเริงร่าเหนือทุ่งหญ้าระบัดใบ กร่ำน้ำค้าง กระแสลมไถพรวนริ้วเรืองรองสีเงิน ธารน้ำโปรยล้อมตรึงเนื้อตัวเปี่ยมริน คลุ้มเคลิ้มคร่ำ เมฆร่ายหมอกหอมเคลื่อนฟ้าขณะตื่น รื่นรมย์เต็มตา ภูมิประเทศแห่งเธอ อันฉัน คุ้นเคย

เหตุใดเล่า

Image
เหตุใดเล่า ลมหายใจคล้ายคล้าย มิใช่ลมหายใจ คำพูด คล้ายคล้ายมิใช่คำพูด ลมหายใจ คำพูด เดินท่องไปบนชายหาดแห่งโลกย์ หายใจแล้วลืมเลือน พูดแล้วเลือนหาย เธอจะลืมเลือนฉัน ฉันจะเลือนหายจากเธอ เหมือนลมหายใจ ไหม เหมือนคำพูด หรือไม่

ความคิดถึงพาฝัน

Image
ความคิดถึงพาฝัน นั่งรำพึงในเรือใบสีน้ำตาล รอสายลมคร่ำครวญแล่นฉิว ไกล พ้น จาก ทะเลลึก โอ้...กระวนใจกระวาย

ฉันใคร่

Image
ฉันใคร่ ค่ำคืนอันมิรู้สิ้นสุด รสนิยมอ่อนไหว

โปรยตนเอง

Image
โปรยตนเอง ประดุจดังแสงจันทร์ ซึ่งแห้งแล้ง กระทบความคิดถึงในเวลานี้

เวลา

เวลา หนึ่ง ทางช้างเผือก เวลา สอง ห้วงมหาสมุทร เวลา สาม ห่างไกลจากใจเธอ ที่แท้ เวลา มีลักษณนามเช่นใด

ฝนหลงฤดู

ฝนหลงฤดู หรือจะฉ่ำใจ เท่าฉันหลงใจเธอ

เธอเสมือน

Image
เธอเสมือน ไม้ยืนต้น แห่งใจฉัน

ความมืดปีกกว้าง

Image
ความมืดปีกกว้าง กระพือสายลมบนร่องรอยจูบ โอ้...ถวิลถึงเธอ

ชีวิตไม่ใช่อะไร

ชีวิตไม่ใช่อะไร เพียงเดินย่ำไปย่ำมาบนโลก โดยที่ไม่เคยนับการย่างเดิน

ฉันหรือ

ฉันหรือ สัตว์ครึ่งฉันครึ่งเธอ ซึ่งร่วงหล่นในครึ่งส่วนของเธอ

อย่างฉงน

Image
อย่างฉงน โปรยฝนไถพรวนแสงแดด กลายเป็นรุ้งกินน้ำ

ความห่างไกล

ความ ห่ า ง ไ ก ล ขุดหลุมกว้างไกลโพ้น ครั้งที่ใจทอดห่าง

เศษส่วนความรัก

เศษส่วนของความรัก ถูกหาร ด้วยจำนวนของความห่างไกล

ป่าของความคิด

ป่าของความคิด มีฝนหน่วงหนัก มักอุดมไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด เดินวนเวียนดังเสือติดจั่น งูใหญ่เลื้อยเชื่องช้า พยายามลอกคราบตนเอง สิงห์โตบาดเจ็บ ครวญครางเศร้าสร้อย เต่าละอายใจหลบมุ่นอยู่ในกระดอง แมงมุมยักษ์ชักใยเกี่ยวรัดตนเอง ตัวอ่อนของสัตว์ฟักตัวอยู่ในไข่บิดเบี้ยว ครั้นแตกตัวออก กลับพบว่า ตนเองก็แค่ สัตว์กลายพันธุ์

ภูมิประเทศแห่งเธอ

Image
ภาพหุบเขาตกผลึกในแดดเช้า ตะวันออกเริงร่าเหนือทุ่งหญ้าระบัดใบ ...กร่ำน้ำค้าง... กระแสลมไถพรวนริ้วเรืองรองสีเงิน ...เนิ่นแนบนาน... ธารน้ำโปรยล้อมตรึงเนื้อตัวเปี่ยมริน ...คลุ้มเคลิ้มคร่ำ... เมฆร่ายหมอกหอมเคลื่อนฟ้าขณะตื่น ...รื่นรมย์เต็มตา... ภูมิประเทศแห่งเธอ อันฉัน คุ้นเคย

การอ่านอันน่าทึ่ง

Image
การอ่านอันน่าทึ่ง เต้นรำเป็นอาหารจานใหญ่ บ่มฟักน้ำเมาชั้นยอด ...เปรมปรีดิ์ ...ดื่มด่ำ โอ้..มิอาจประคองใจได้

ความเศร้าผลิใบ

Image
ความเศร้าผลิใบ ในบทเพลงจันทร์ค่อนดวง แสงรำพันเวิ้งว้าง โดดเดียว เนิ่น นาน สืบ มา

ลักษณะมนุษย์

ลักษณะมนุษย์ สถานะเป็นของเหลวยิ่ง เสพย์อารมณ์ระเหย บนความยากไร้ ของกันและกัน

ใบหน้าของMunch

Image
ใบหน้าของMunch เส้นโค้งเวิ้งว้างสิ้นหวัง ในป่าขรึมสีแดด โศกหมอง ......................... อย่ากลั่นแกล้งเลย ตัวบีบเค้น

กระนั้นแล้ว

กระ นั้น แล้ว โลกเป็นเช่นนี้ กระทั่ง มิ ใช่ สิ่ง ใด คล้ายจะ ไม่ใช่สิ่งนั้น

โอ้..สีเทา

Image
สีเทาในป่าหนวดเครากรึ่มฝัน ลมหายใจหลงทาง ณ บึงกลางภพ คล้ายสายลมคลุมเครือ บอกรักซากเรือปรักหักพัง คลี่คลุมกายด้วยควันขี้เถ้าครึ้มหวัง โอ้สีเทา...... ผู้ก่อกองไฟด้วยสายตาสลึมสลือ

ยามเช้าสีเสาวรส

Image
ยามเช้าสีเสาวรสปนมะนาว รสเปรี้ยวเปิดโลกฉับพลัน แผ่นดินบิดขี้เกียจ น้ำค้างตก แดดเร่งเก็บมุ้งหมอก ค่ำคืนเหี่ยวแฟบ ย่ำรุ่งจากลา

เหตุใดเล่า

Image
เหตุใดเล่า ลมหายใจ คล้ายคล้ายมิใช่ลมหายใจ คำพูด คล้ายคล้ายมิใช่คำพูด ลมหายใจ คำพูด เดินท่องไปบนชายหาดแห่งโลกย์ หายใจแล้วลืมเลือน พูดแล้วเลือนหาย เธอจะลืมเลือนฉัน..... ฉันจะเลือนหายจากเธอ..... เหมือนลมหายใจ ไหม เหมือนคำพูด หรือไม่

ลมหายใจเวลาเย็น

Image
ลมหายใจเวลาเย็น ขาดห้วงในหม่นแดด โหยหา ..... .... ... .. . . . . . ปรารถนาให้ความทุกข์ นอนราบบนเส้นขอบฟ้า ลืมตื่น

เกี่ยวรัด

Image
เกี่ยวรัดโดยนุ่มนวล ด้วยอ้อมแขนบทกวีของเธอ ยั่วยวนฉันด้วยสระวรรณยุกต์ แล้วค่อยสัมผัสแผ่ว พยัญชนะทั้งมวล ตาม เนื้อ ตัว