Posts

Showing posts from April, 2010

ฉันจะปัดฤดูหนาวออกไป

ยามเช้ากลางกุมภา ช่างดื้อรั้น เห็นจันทร์เว้าขาวซีด เลือนลาอย่างไม่ยินดี ดวงอาทิตย์เดินออกจากบ้าน ใบหน้าแบนราบ คล้ายถูกก้อนเมฆแย่งชิงแสงสีชมพูเข้ม ความฝันครุ่นคำนึง "ฤๅเพียงจะฝัน" ชะงักปลายเส้นขอบฟ้าชั่วขณะ หมอกสีเทาจาง ทว่าหนาวไม่จบสิ้น น้ำค้างบนยอดหญ้าสีน้ำเงินหม่น ลมเป็นเส้นตรงเฉยเมย ปรอยดอกไม้สีม่วงขาวประปรายตามแนวกิ่ง ต้นไม้ไร้ใบสีคล้ำ อีกหลายหลายต้นเหลือบแล ถ้าเธอมา "ฉันจะปัดฤดูหนาวออกไป" (กุมภาพันธ์ 2552)

ร้อนร้าง

เห็นแสงแดดฟุ้งกระจายแดง และโลกที่สายลมสีฝุ่นคลุ้ง ท้องฟ้าเอยปราศจากเยื่อใยเมฆ นับวันจะถูกกรีดเป็นริ้ว ริ้ว และทะเลก็คือฉากหน้า บนเวทีซึ่งตัวละครใกล้สิ้นเนื้อประดาตัว สมจริง ดอกไม้เอยถูกฆาตกรรมยาวเหยียด กับความเสเพลที่มนุษย์กระทำตั้งแต่หนแรก ตักคืนวันทิ้งฟุ่มเฟือย ย่างดวงดาวจนเกรียม โลกไม่มีวันเหลือเศษ เย็บปะให้เสร็จสิ้น กลางหนทางสุกไหม้ ณ อาภรณ์เวลา ร้อนร้าง (22 ก.พ. 2552)

รสจูบฤดูร้อน

ดอกไม้จากสายลมเพ้อภูเขา ล่องมา หอมเดือนกุมภาพันธ์ "เจ้าสาวแห่งกุมภาได้มาเยี่ยม เพื่อนตระเตรียมสีแดงแห่งคิมหันต์" คิดถึงดวงตารื่นรมย์ของเมฆขาว เหลืองสดฝ้ายคำยิ้มแจ่ม ภาพวาดชากาลกับปีกแมลงปอริมบึง เงาไม้ระบัดท่วงทำนองขลุ่ยผิว ศรีมาลา แม่น้ำ ทางเดินภูเขา โค้งสะพาน ภาพวาดใต้เงาแดงดอกงิ้ว กับร้อยแก้วที่กลายเป็นกวีนิพนธ์ โอบกอดลำเนาป่าขณะเมามายจันทร์เสี้ยว เรือใบไม้ร่ายมนต์ หวานความจริงในฝัน โลดลิ่วราวมีปีกนับพัน ฉันรู้ จากแดดระเริง และ รสจูบฤดูร้อน 25 กุมพาภันธ์ 2552

ปีกเมษายน

ปีกเมษายนร้อนจนแห้ง ยามเย็นขึงแผ่นภาพบนท้องฟ้าตึงแน่น อ้างว้างบางบาง เปล่าเปลี่ยวหดหู่ และขมขื่น สีเทานิ่งบนผิวน้ำไม่ไหวติง ฝูงคนกลายเป็นสีดำโคลนเมื่อมองย้อนแดด ฉันยังไม่หลุดจากความชอกช้ำ ทรมานประเทศ โหดร้ายอะไรเช่นนี้ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของชะตากรรม ทำไม...ความชั่วจึงแตกหน่อ ความเลวทรามทอดเลื้อย เขม่าควันสีขี้เถ้าเผาบ้านเรือนตนเอง ใจคน...ไยกระด้างต่อแผ่นดินเกิด โอ้...ประเทศไทยร่ำไห้จนตัวงอ