Posts

Showing posts from September, 2009

อ่านตัวเธอ

อ่านตัวเธอ เข้าใจมายาถ้อยคำ โลกปรารถนาแห่งภาษา นั้นฟุ้งฝัน ฉายประกายไร้ขอบเขต เลยเถิดถึงความรักใคร่ เรืองรองด้วยปีกเครื่องหอม พะวง หลงใหล เสรีภาพอารมณ์ ร่อนเร่ไกลถึงแห่งหนไหนไม่รู้ ทว่าอาจตกหลุมความทุกข์แหลมคมด้วย จงอ่านตัวเธอ "อารมณ์" ก็เป็นเพียงเถ้าถ่านของภาษา

ชีวิตในที่เปลี่ยว

บาง..... ความรู้สึกผิด ไม่ได้จมดิ่ง หากแตกกระจาย กลายเป็นเมฆสีเทาสลัว ความหวาดหวั่นกระหน่ำราวสายลมโหยกระหาย เส้นบางบางของความสะเทือนใจ สั่นสะท้าน เปียกโชก ใจลอย ความหลังจับหนา ขณะดวงจันทร์พยายามเกลือกกลิ้ง บนชายฝั่งแหว่งวิ่น และ ฟากฟ้าสูญหาย สู่ ห้วงน้ำมืด ไม่ไหวติง นี่คือชีวิต ในที่เปลี่ยวโดยแท้

คิดถึงฝน ฝนก็มา

คิดถึงฝน ฝนก็มา คิดถึงฝน ฝนก็มา...พร่างพรม เมฆฝนเต็มฟ้า วิ่งเล่นกับแสงแดดจนเนื้อตัวมอมแมม เป็นสีเทาตุ่นตุ่น จึงอาบน้ำและ ฝนตก ฝนตก ฝนตก เมฆสวมชุดสีขาวสะอาดสะอ้าน อีกครั้ง ต้นไม้จัดงานเลี้ยงฉลอง คำโฆษณาของเธอคือสีเขียวอ่อนผลิใบใส จนแดงแดดอ่อนไหว หล่นจากฟากฟ้า ช่วยถักร้อยชุดสีเขียวใบไม้ ใบไม้ ใบไม้ ลมเผลอจูบพรมต้นไม้ทั้งต้น แดดขึ้งโกรธตวัดแสงจัดจ้าน สายลมทำตัวสุภาพขึ้น แสงแดดวิ่งเล่นกับหมู่เมฆฝนอีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง ในฤดูฝน

ความมืดสีเวิ้งว้าง

เลยดึกหวั่นหวาด ยินเสียงพลิกตัวของความมืด หนาหนักและสูงเป็นชั้นชั้น แต่ละชั้นยิ่งเพิ่มความวิตก กังวล โชยกลิ่นอับ อ้างว้าง ขรุขระ แต่กลับเปราะบาง ไกลออกไปคือความลังเลเดียวดาย ปลายชายทุ่งสีเวิ้งว้าง ใจหาย ขาดเป็นห้วง ห้ วง พยายามรวบรวมความมืด จัดเรียงเป็นดอกไม้ ทีละกลีบ ละล้าละลัง อ่อนแรง ช่างยากเย็นเหลือเกิน ที่จะเด็ดความมืดสีดำเวิ้งว้างกลางดึก

จักรยานความหลัง

ยามเย็นค่อยค่อยหรุบใบ แดดเหลืองอ่อนโรย ถนนทอดยาวโค้งลับไปกับเงาไม้ เสียงกระดิ่ง สายลมจาง หอมกลิ่นดอกไม้ริมทาง ร่องรอยรางรางจักรยานความหลัง ประปรายบนใบไม้ร่วง

เมล็ดคำของฉัน

เมล็ดคำของฉัน อยู่นิ่งเฉยข้างแอ่งน้ำเงียบ แดดหวานตะวันออกเพิ่งผ่านไป ตัวหนังสือเหลือเพียงฝักสีน้ำตาล ค้างไม้ความคิดเปล่าเปลี่ยว รอบรอบสายลมไม่ไหวติง ท้องฟ้ายืดตัวยิ่งเวิ้งว้าง เมฆแห้ง ไม่มีแดด ไร้ชีวิตชีวา ช่างยากเหลือเกินที่จะปลูกเมล็ดคำ แล้วขีดเขียนให้เป็นโค้งรุ้งงามในสายลม

ขี้เถ้าท่านผู้นำ

ฉันตั้งเตาตั้งใจ ก่อไฟกิ่งไม้เรียกร้อง บนแผ่นดินสีบัวโรย ปรารถนายิ่งยวด ด้วยสิทธิ์อันสมบูรณ์ ต้ม ท่านผู้นำทั้งหลายให้เปื่อย ปิ้ง ความโสมมของท่านผู้นำ ผัดเผ็ด พริกสดให้แสบร้อน แล้วจะหมกท่านผู้นำเหล่านั้นในเตา ด้วยไฟสีแดงชาด อย่างพิถีพิถัน พร้อมกับความ เย้ยหยันตลอดเวลา ทั้งที่มืดและที่สว่าง ไม่ยอมแพ้ ไม่อ่อนแรง ด้วยความร้อนไม่ให้เหลือ แม้กระทั่งขี้เถ้า

รัฐบาลที่เป็นโรค

ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศเฉียงตะวันตก ดวงจันทร์จมดินอยู่ได้อย่างไร แล้วดวงดาวที่ค้างอยู่ตามกิ่งก้านเปลือยนั้นเล่า แมลงโสมมแย่งเกาะริมฝีปาก ลมหายใจไม้เลื้อยหนามแหลม แอ่งสมองเน่าเน่า ตัวสะกดวางอยู่บนสระแหว่งแหว่ง ใบไม้แลบลิ้นหลอกลวง เมฆน้อยหนักจนตกจากฟ้า ความดีแตกแยก ความงามผิดแผก เพราะเธอเท่านั้นที่สร้างความเท็จ รัฐบาลที่เป็นโรค

อาลัยต้นจัน

เนิ่นนานมาแล้วกว่าเจ็ดสิบปี ต้นจันกลางแสงจันทร์ โอบเอื้อสรรพสิ่งในร่มเงาเขียว สง่างามดั่งราชาแสงแดด อ่อนโยนราวราชินีแสงจันทร์ สีเหลืองลูกจันประดับกิ่งใบฤดูเวลา เปลือกสีด่างแต้มรอยยิ้มเก่าแก่ หอมกรุ่นเสมอในสายลม ขณะครุ่นคำนึง กรกฎาร้างลาเมื่อฝนพรำสาย อาดูรอาลัย ต้นจันแสนงาม อาลัยต้นจันบ้านพจนา จันทรสันติ

หนุ่มสาวปฏิวัติ

หนุ่มสาวปฏิวัติ กรุณาอย่าให้วันใหม่ของเธอ เป็น ภาพฝันละเมอในบ่อน้ำครำ จงทลายกำแพงโสมมของคนรุ่นเก่า ก่อเสาความแกร่งกล้า ปรานีให้มั่นคง ด้วยจิตใจที่อ่อนน้อมถูกต้อง หนุ่มสาวปฏิวัติ กรุณาอย่าให้ความฝันของเธอ เป็น พ่อค้าพร่ำเพ้อในความโลภทุกเช้าค่ำ จงทำลายก้อนอิฐสามานย์ของคนรุ่นเก่า ก่อฐานความเมตตาให้หนักแน่น หนุ่มสาวปฏิวัติ กรุณาอย่าให้ความเชื่อมั่นของเธอ เป็น ความหวังปรนปรนในการเมืองต่ำทราม จงเผาไหม้ประชาธิปไตยโสโครก ละจากชะตากรรมอันโศกเศร้า ปล่อยทิ้งไว้ ข้างหลัง อย่าเหลียวแล

ดอกไม้ของความละอาย

ดูซิ...... ดอกไม้ของความละอาย ผุดขึ้นตามรูขุมขนและร่องเนื้อ ดอกแล้วดอกเล่า คลี่ขยายความละอาย ชัดเจนอยู่โดยท่าที แจ่มจัดอยู่ในดวงตา กึกก้องอยู่เต็มเสียง ความละอาย ความละอาย ความละอาย แบ่งบานเต็มตัว ละอายต่อเสียงของความจริง ต่อคนกล้าก้าวเสียสละ ละอายต่อน้ำตาฝนที่พรูฟ้า ในความหนาวเย็นของเพื่อนร่วมชาติ ในสังคมที่แสร้งว่า การหย่อนบัตร คือ ประชาธิปไตย

บทกวีตกงาน

บทกวีตกงาน มีเวลาเหลือเฟือ แต่ไม่มีรายได้ในสังคมที่ใช้เงิน ความหวังเป็นร้อยแก้วสีหม่น ว่ า ง โหวง ไม่มีแหล่งที่ ลากขาเดินย่ำ อดโซ ตามเศษกระดาษปลิวว่อน ไปทางไหนก็แผ่วเบา ฝ่าสายลมความคิดแห้งแล้ง ตากฝนจนหนาวสั่น เท้าจมต่ำลงไป ในรอยหมึกที่ฆ่าตัวตาย

ดวงใจประเทศ

ต้นไม้ซึ่งแตกใบ เฉพาะ กิ่งก้านสีคล้ำแห้ง ระทมทุกข์สู่อากาศ ซึ่งแตก เฉพาะ ค่ำคืนดำมืดคล้ำหม่นแขยง เต็มสะพรั่งทุกทุกข์กิ่งก้านค่ำคืน ซึ่งกระจายแสงสีเลือด ร่ ว ง หล่น กระหน่ำ ดวงใจประเทศอับปาง